Accessibility help

เมนูหลัก

ป้องกันภาวะจิตตก/นพ.ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย

ป้องกันภาวะจิตตก/นพ.ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย

คนเราแต่ละคนมีจิตใจแข็งแรงไม่เท่ากัน ความสามารถ ในการรับความกดดันในชีวิตจึงมีไม่เท่ากัน ปัจจุบันระดับความเครียดที่เกิดขึ้นในชีวิตผู้คนในสังคมมีสูงมาก คนที่ประสบภาวะเครียด บ่อยๆเป็นระยะเวลายาว นานบางครั้งอาจทำให้เกิดอาการอ่อนล้าทางด้านจิต ใจ หรือบางคนอาจเรียกว่า "จิตตก" ได้

          คำว่า "จิตตก" เป็นคำที่ใช้พูดเพื่อบรรยายอาการ แต่ไม่ได้เป็นศัพท์มาตรฐาน ดังนั้น จึงอาจไม่มีคำนิยามโดยเฉพาะเจาะจงที่ชัดเจน สำหรับผู้เขียนอยากให้ความหมายของภาวะจิตตกว่า คือภาวะจิตใจของคนที่ประสบกับความเครียด ความกดดัน เป็นระยะเวลายาวนาน หรืออาจเกิดจากความกดดันที่เกิดขึ้นในระยะเวลาที่ไม่ยาวนานแต่มีความรุนแรงสูง

          อาการที่เกิดขึ้นมักเป็นลำดับดังนี้ เบื้องต้นมักจะเกิดจากการคาดว่า เกรงว่าสิ่งที่ไม่ดีจะเกิดขึ้น จะมีความเสียหายเกิดขึ้น คิดว่าจะไม่ประสบความสำเร็จ จะล้มเหลว ทำให้เกิดอาการวิตกกังวล ได้แก่ อาการใจสั่น เหงื่อออก หายใจไม่อิ่ม นอนไม่หลับ ระบบทางเดินอาหาร ระบบย่อยอาหารปั่นป่วน เป็นต้น

          ส่วนระยะถัดมาเมื่อทราบถึงผลของเหตุการณ์แล้วว่าไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด ไม่สำเร็จ ก็จะเกิดอาการผิดหวัง ท้อแท้ ซึมเศร้า ได้แก่ อาการเบื่ออาหาร นอนไม่หลับ ไม่มีสมาธิ คิดช้า ไม่มีกำลังใจ รู้สึกว่าตัวเองไร้คุณค่า ในรายที่อาการรุนแรงอาจมีความคิดไม่อยากมีชีวิตอยู่ อยากฆ่าตัวตาย และอาจมีอาการทางจิตร่วมด้วย เช่น หูแว่ว ประสาทหลอน หวาดระแวง ซึ่งสามารถก่อให้เกิดอันตรายได้ทั้งกับตนเองและผู้อื่น

          เราไม่สามารถรู้ได้ว่าภาวะจิตตกเกิดขึ้นกับเราหรือไม่ เมื่อไร ดังนั้น ทางที่ดีจึงควรทำความรู้จักวิธีการรับมือกับภาวะจิตตกเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้ง่าย ควรเพิ่มภูมิคุ้มกันโดยการลดระดับความเครียดในแต่ละวันไม่ให้เกิดการสะสม โดยการพักกายและพักใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่มักจะหลงลืมไป ได้แก่ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และเพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ เพราะคนที่หิวหรือนอนไม่พอ ความอดทนจะต่ำ อารมณ์จะหงุดหงิด ฉุนเฉียวได้ง่าย

          นอกจากนี้ในแต่ละวันควร มีเวลาออกกำลังกายเพื่อยืดเส้น ยืดสาย ลดความเครียด และช่วยให้ฮอร์โมนเอนโดรฟินในสมองซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยให้คนเรารู้สึกผ่อนคลาย มีความสุขหลั่งออกมา นอกจากพักกายแล้ว การพักใจก็ควรทำเป็นประจำ ถ้าทำได้ทุกวันจะเป็นการดี การพักใจที่ว่านี้คือการทำให้ใจได้พักโดยการทำงานอดิเรกที่ชอบ ทำแล้วมีความสุข สมองได้พักผ่อน เพื่อช่วยให้อารมณ์ลบในแต่ละวันถูกถ่ายเทออกไป ไม่สะสม จิตใจก็จะผ่องใส สามารถรับแรงกดดันในชีวิตได้ดีขึ้น เกิดภาวะจิตตกได้ยากขึ้น

          สำหรับคนที่ตกอยู่ในภาวะจิตตก การจะผ่านภาวะนี้ไปได้ต้องอาศัยทักษะดังนี้

          1. ความเชื่อมั่นว่าจะผ่านพ้นปัญหาไปได้ ส่วนจะช้าหรือเร็วเป็นอีกเรื่องหนึ่ง การเชื่อมั่น ว่าปัญหาจะมีทางออกในที่สุดจะช่วยให้มีกำลังใจสู้ต่อไปได้

          2. ความสามารถมองเห็นข้อดีหรือข้อบวกของสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อนำมาเป็นกำลังใจให้สู้ต่อไปได้ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ต้องฝึก ฝนจึงจะทำได้ดี

          3. การมองปัญหาและการวางแผนแก้ไขแบบเป็นขั้นตอน แล้วจัดการแก้ไขไปทีละขั้นละเปลาะ การแก้ไขได้สำเร็จทีละขั้นจะช่วยให้เกิดความมั่นใจว่าจะแก้ปัญหาได้สำเร็จในที่สุด

          4. สำหรับคนที่พยายามแก้ปัญหาด้วยตัวเองแล้วยังไม่สำเร็จ อาจต้องอาศัยตัวช่วยคือความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง ได้แก่ เพื่อนสนิท หรือญาติผู้ใหญ่ ในการช่วยมองปัญหา ให้คำปรึกษาแนะนำ

          ในบางรายถ้าประสบปัญหาที่ใหญ่และหนักหนามาก หลังรับความช่วยเหลือจากคนรอบข้างแล้วยังไม่ดีขึ้น และอาจมีอาการวิตกกังวลหรือซึมเศร้าจนไม่สามารถรับผิดชอบหน้าที่การงานได้ อาจจำเป็นต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักจิตวิทยา หรือจิตแพทย์ เพื่อช่วยเหลือให้ต่อสู้กับปัญหาและผ่านวิกฤตไปให้ได้ หวังว่าผู้อ่านทุกท่านจะไม่ต้องประสบกับภาวะจิตตก ถ้าต้องพบก็ขอให้รับมือได้ อย่างไรก็ตาม อ่านบทความนี้แล้วอย่าลืมพักกายพักใจกันทุกๆ วันด้วยนะครับ

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์โลกวันนี้วันสุข โดย นพ.ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย