Accessibility help

เมนูหลัก

เครือข่ายเด็กต้านรัฐมอมเมาหวยตู้

เครือข่ายเด็กต้านรัฐมอมเมาหวยตู้

  
    เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2555 นายมณเฑียร บุญตัน กรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการคลังเตรียมเดินหน้าจำหน่ายสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว ด้วยเครื่องอัตโนมัติ (หวยตู้) ในช่วงปีใหม่นี้ว่า นโยบายที่อ้างว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาสลากแพงเกินราคานั้นถือเป็นการแก้ไขปัญหาจุดเดียว แต่สร้างปัญหาบานปลายตามมา เนื่องจากรัฐเป็นผู้ผลิต จำหน่ายขายขาด โยนภาระให้กับผู้แทนจำหน่าย ซึ่งนี่คือต้นตอของปัญหา แล้วจะมาเพิ่มสลากอีกรูปแบบหนึ่ง มันไม่ใช่การแก้ปัญหา ตรงกันข้าม จะเป็นการเพิ่มพื้นที่การพนัน เพราะยังไม่มีมาตรการชัดเจนควบคุมการขยายผล 
    “ผมคิดว่ามันเข้าข่ายลักษณะการพนันเสรีเข้าไปทุกที จะต่างอะไรกับที่เด็กเยาวชน ผู้มีรายได้น้อย เจอตู้หวยแล้วก็เดินเข้าไปซื้อได้เลย เพราะมันไม่ได้มีข้อจำกัด อีกทั้งระบบก็ไม่ได้มีการจำกัดเลขด้วย หากมีเลขเด็ดๆ มาคนก็รุมซื้อกันไม่ยั้ง และรางวัลก็ผันแปรตามจำนวนคนถูก เท่ากับรัฐดูดเงินจากประชาชน ผู้บริโภคก็รับกรรมไป รัฐได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง แทนที่รัฐจะปราบปรามการเล่นพนันทุกชนิดในสังคม” นายมณเฑียรกล่าว 
    นายมณเฑียรกล่าวด้วยว่า เรื่องนี้เป็นวิกฤติกับสังคมไทยในระยะยาว ทำให้สังคมอ่อนแอ พัฒนาความเชื่อชาวบ้านไปเชื่อเรื่องดวง เสี่ยงโชค มากกว่าทำเพื่อให้เกิดผล และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะสั้นนี้ ทั้งนี้ สิ่งที่รัฐบาลควรกำหนดมาตราการให้ชัดเจน คือ 1.ป้องกันไม่ให้เด็ก เยาวชน ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงการพนันทุกรูปแบบ 2.การเยียวยาผู้ค้ารายย่อย ผู้พิการ ที่ขายสลากเดิม 3.จำกัดพื้นที่การพนัน ไม่ใช่เอาสลากมาเป็นตัวส่งเสริมหารายได้เข้ารัฐ 
    นางสาวฐาณิชชา ลิ้มพานิช ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว กล่าวว่า การออกนโยบายนี้ในช่วงปีใหม่เพื่อให้เป็นของขวัญประชาชน ถือว่าเสี่ยงในด้านการทำลายคุณภาพชีวิตคนไทยให้ต่ำลง เพราะจะเป็นการส่งเสริม ขยายผลเพิ่มความถี่ในการเล่นการพนัน ซึ่งสิ่งที่ต้องทำคือศึกษาผลกระทบให้รอบด้าน ไม่มุ่งแต่เรื่องเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว และขอถามนายกรัฐมนตรีผู้หญิงคนแรกของประเทศ ว่ามีนโยบายในการดูแลเด็ก เยาวชน และครอบครัวอย่างไรบ้าง เพิ่มพื้นที่สาธารณะเพื่อครอบครัวอย่างไร ซึ่งการพัฒนาเศรษฐกิจต้องทำควบคู่ไปกับการพัฒนาครอบครัว สังคม และคุณภาพชีวิต 
    “ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีมีภาพลักษณ์ความเป็นแม่ มีลูกที่ต้องดูแล ท่านห่วงเรื่องนี้และจะดูแลเรื่องนี้อย่างไร ถ้าในสังคมมีเรื่องอบายมุขเต็มไปหมด มีหวยตู้ ท่านจะรู้สึกอย่างไร และในฐานะของคนเป็นแม่ จะเลี้ยงลูกท่ามกลางสังคมที่โหมมอมเมาอบายมุขอย่างนั้นหรือ ต่อไปคนไทยคงมีหนี้สินมากขึ้น เศรษฐกิจดี แต่คนมีคุณภาพชีวิตต่ำ ขอให้ท่านพิจารณาทั้งในฐานะแม่และผู้บริหารประเทศด้วย” นางสาวฐานิชากล่าว 
    ด้านนางสาวพรเพ็ญ เธียรไพศาล ตัวแทนสภาเด็กจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า ของขวัญปีใหม่ที่ควรจะมอบให้คนไทยไม่ใช่เรื่องอบายมุข แต่ควรเป็นเรื่องที่ส่งเสริมปรับปรุงคุณภาพชีวิตคนไทย ไม่ใช่ส่งเสริมการเล่นการพนันให้เกิดขึ้นในสังคม เพราะนโยบายหวยตู้จะสร้างกระแสการเล่นพนันให้เป็นเรื่องธรรมดาในชีวิตประจำวัน เห็นการเล่นหวยเป็นเรื่องปกติ จะทำให้เยาวชนที่ไม่เคยเล่นการพนัน เริ่มกลายเป็นนักพนันหน้าใหม่มากขึ้นๆ และเป็นต้นทางการพนันอื่นๆ ต่อไป จะไม่มีใจจดจ่อกับการเรียน ทั้งยังมีปัญหาอื่นตามมาอีกมากมาย เช่น อาชญากรรม ทำอาชีพไม่เหมาะสม เป็นต้น การบอกว่าควบคุมดูแล ไม่ขายใกล้วัด โรงเรียน มันไม่เป็นความจริง เพราะคุมไม่ได้ ทุกวันนี้สิ่งผิดกฎหมายยังไม่มีปัญญาคุมได้เลย แค่ร้านเหล้ารอบสถานศึกษายังจัดการไม่ได้เลย.
 
ขอบคุณข้อมูลจากไทยโพสต์